ยุทธการบ้านโขดทราย
อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด

 

      นับตั้งแต่ กองทัพเวียดนามเข้ายึดกรุงพนมเปญ จากกองทัพเขมรแดงเป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ.๒๕๒๒ ทำให้กองกำลังเขมรแดงถอยร่นมาอยู่ทางภาคตะวันตก ของประเทศ บริเวณพื้นที่ตามแนวชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นป่ารกทึบ สร้างความยกลำบาก ในการเข้ากวาดล้างของกำลัง เวียดนาม ทำให้การสู้รบยืดเยื้อเป็นเวลานาน การสู้รบระหว่างกำลังทหารเวียดนามกับกำลังเขมรแดงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ส่งผลให้เกิดความไม่สงบ ตามแนวชายแดนเสมอ

      จังหวัดตราดเป็นจังหวัดชายแดนด้านตะวันออกของประเทศไทยที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะทางบกมี แนวสันเขาบรรทัดเป็นเส้นกั้นเขตแดน ตั้งแต่เขตติดต่อจังหวัดจันทบุรี ไปจนสุดเขตที่ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มีความยาวประมาณ ๑๖๕ กิโลเมตร อยู่ในเขตความรับผิดชอบของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ลักษณะภูมิประเทศทางบกในเขตประเทศไทย ตั้งแต่ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมือง ไปจนถึงบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ มีเนื้อที่เป็นแผ่นดินแคบ ลักษณะยาวเรียวแหลม จากสันเขาบรรทัดเป็นลาดเขาชันมาทางทิศตะวันตกลงสู่ฝั่งทะเล มีถนนสายตราด–บ.หาดเล็ก ซึ่งลาดยางเป็นถนนสายหลัก โดยเฉพาะที่ บ.โขดทราย ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จากสันเขาถึงฝั่งทะเลมีความกว้างประมาณ ๕๐๐ เมตรเศษ เป็นลาดจากสันเขาถึงถนน กว้างประมาณ ๓๐๐ เมตร และจากถนนถึงฝั่งทะเลกว้างประมาณ ๒๕๐ เมตร โดยปกติแล้วราษฎรได้ใช้ทางถนนสายตราด–บ.หาดเล็ก เป็นเส้นทางสัญจรไปมา โดยทางรถยนต์ซึ่งมีทั้งรถโดยสาร รถบรรทุกสินค้า และรถส่วนบุคคลเป็นประจำ

      สำหรับภูมิประเทศ ในประเทศกัมพูชาที่ตรงข้ามกับบ้านคลองหิน ลงไปจนถึงสุดบ้านหาดเล็กเป็นแผ่นดินใหญ่ มีแม่น้ำครางครืน หรือแม่น้ำเมติคทอดยาวลงไป เช่นเดียวกับสันเขาบรรทัด จากสันเขาบรรทัดลงไปถึงแม่น้ำครางครืน มีความกว้างตั้งแต่ ๑–๕ กม. สถานการณ์ในกัมพูชาปรากฏว่าทหารเวียดนามได้ใช้กำลังจำนวนมาก ทำการสู้รบและกวาดล้างกำลังฝ่าย เขียว สัมพัน ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำครางครืน ตั้งแต่ตรงข้าม บ.คลองหิน–บ.คลองใหญ่ จากการสู้รบมีบ่อยครั้งที่ทำให้ลูกระเบิด จากเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๘๒ มม. และจรวดขนาด ๑๐๗ มม.มาตกในเขตไทย ส่วนทางตะวันตกของแม่น้ำครางครืน ตรงกันข้ามจาก บ.คลองใหญ่ ไปจนถึง แม่น้ำครางครืน ทหารเวียดนามและทหารเฮง ซัมริน ได้วางกำลังเรียงรายห่างจากชายแดนไทยเพียง ๒–๓ กม.อยู่หลายหน่วยด้วยกัน กำลังฝ่ายเราซึ่งวางกำลังป้องกันชายแดน บริเวณ บ.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จว.ตราด ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ๑๘๒(ฉก.นย.๑๘๒)ในขณะนั้นจัดกำลังจาก พัน.ร.๓ กรม ร.๑ พล.นย. โดยมี ร.ท.วสันต์ สุพรรณรัตน์ เป็น ผบ.ฉก.นย.๑๘๒ ได้รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างกำลังทหารเวียดนามและเขมรแดงเป็นประจำ จนกระทั่งในคืนวันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๔ เวลาประมาณ ๒๐๓๐ ได้มีลูกระเบิดของเครื่องยิงลูกระเบิดยิงมาจากกัมพูชามาตกในทะเลห่างจากหมู่บ้านหาดเล็ก ประมาณ ๔๐ ม. จำนวน ๔ นัด และมาตกในทะเลใกล้ บ.หาดสารพัดพิษอีก ๔ นัด พร้อมกับได้ทำการยิงปืนเล็กเป็นชุด ๆ มาตามแนวตั้งรับของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ๑๘๒ ที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่หน่วยทหารของฝ่ายเรา จึงได้ทำการยิงต่อสู้ประมาณ ๒๐ นาที เสียงปืนจึงได้สงบลง และได้รายงานให้กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดทราบ ทันทีที่ได้รับรายงานทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้สั่งการให้หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนที่ ๑ ซึ่งเป็นกำลังส่วนหนึ่งของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มาลาดตระเวนเฝ้าตรวจในทะเลบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อพร้อมที่จะให้การสนับสนุนแก่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ ๑๘๒ ต่อไป และในขณะเดียวกันได้ส่งคำขอผ่านชุดสนับสนุนทางอากาศโดยตรงที่ ๑๓ ให้จัดเครื่องบินติดอาวุธ จากฐานบินตราดขึ้นทำการลาดตระเวนเหนือพื้นที่เกิดเหตุในเช้าวันรุ่งขึ้น จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณ บ.หาดเล็ก เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๔ อยู่ในลักษณะรุนแรงและไม่น่าไว้วางใจ ทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จึงได้มอบให้ พล.ร.ต.เกษม ลิขิตวงศ์ รอง ผบ.กปช.จต./รอง ผบ.กจต./รอง ผอ.ปค.ภาค ๑/๑ ทำหน้าที่ ผบ.ทก.ยุทธวิธีของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด พร้อมด้วย น.อ.วิชัย โสธนะ รอง หก.ยก.กปช.จต./ผช.หก.ยก.กจต./ผช.หก.ยก.กอ.รมน.ภาค ๑/๑ ทำหน้าที่นายทหารยุทธการของ ทก.ยุทธวิธี, ร.อ.โสภณ โรจนวิภาต จนท.ข่าว กองข่าว กปช.จต./จนท.กองข่าว กจต./จนท.กองข่าว กอ.รมน.ภาค ๑/๑ ทำหน้าที่นายทหารข่าวกรอง ทก.ยว., จ.อ.ธานี มุ่งจองกลาง พลขับรถส่วนแผนกสนับสนุน กอ.รมน.ภาค ๑/๑ ทำหน้าที่ล่ามภาษาเขมรและเสมียนข่าวกรอง ทก.ยว.และ จ.อ.เหรียญ กล่ำสกุล จนท.สื่อสารแผนกสนับสนุน กจต./จนท.ส่วนสื่อสารแผนกสนับสนุน กอ.รมน.ภาค ๑ /๑ ทำหน้าที่ จนท.สื่อสารของ ทก.ยว. ออกเดินทางโดย ฮ.ของ มวบ.๔๑ ไปยังฐานบินตราด เพื่อสมทบกับ ทก.ยว.พัน.ร.๓ กจต.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง อำนวยการรบและกำกับดูแล การปฏิบัติของหน่วยที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ บ.หาดเล็ก และในพื้นที่ จว.ตราด ทั้งหมด คณะ ทก.ยว.ของ กปช.จต.ได้ออกเดินทางจาก กปช.จต.ใน ๑๗ มีนาคม ๒๕๒๔ เวลา ๐๙๐๕

      ในระหว่างที่คณะ ทก.ยว.ของ กปช.จต.ยังอยู่บน ฮ.ที่กำลังบินเดินทางยังไม่ถึงที่หมายก็ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ ๐๙๐๕ ขณะที่เครื่องบินติดอาวุธจากฐานบินตราด กำลังบินทำการลาดตระเวนเหนือ บ.คลองใหญ่–บ.หาดเล็ก ตามคำขอของ กปช.จต.ได้ถูกหน่วยทหารภาคพื้นดินของฝ่ายเวียดนาม/เฮง ซัมริน ที่อยู่ตรงข้าม บ.หาดเล็ก ระดมยิงเครื่องบินด้วยอาวุธ ปืนอย่างหนัก นักบินจึงได้ใช้อาวุธทำการยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัวไปจำนวนหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามได้หยุดยิงและต่อมาเวลา ๐๙๑๕ ได้รับรายงานจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ๑๘๒ ว่าฝ่ายตรงข้าม ได้ทำการยิงลูกระเบิดจากเครื่องยิงลูกระเบิดบริเวณใกล้เคียง บ.หาดเล็ก อีก ผบ.ทก.ยว.กปช.จต.ได้สั่งการให้ เรือหลวงล่องลมซึ่งเป็นเรือในสังกัดหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ ๑ ซึ่งขออนุมัติไปรับเสบียงที่ อำเภอคลองใหญ่ กลับไปเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียง บ.หาดเล็กโดยด่วน

      ฮ.ของคณะ ทก.ยว.กปช.จต.ได้บินเดินทางถึงฐานบินตราด เมื่อเวลา ๐๙๔๐ และได้พบกับคณะ ทก.ยว.ของ พัน.ร.๓ กจต.ซึ่งประกอบด้วย น.ท.ดำริห์ ช่อวิชิต ผบ.พัน.ร.๓ กจต., ร.ต.เสรี อินทวี ผบ.มว.ปล.ฉก.นย.๑๑ และ พ.จ.อ.สมศักดิ์ เกิดพูล ผบ.ตอนสื่อสาร ฉก.นย.๑๑ และ จ.อ.สุวรรณ รูปสม จนท.สื่อสาร พัน.ร.๓ กจต.จึงได้รวม ทก.ทั้ง ๒ ทก.จัดตั้งเป็น ทก.ยว.กปช.จต.ขั้นต้นขึ้น ที่ฐานบินตราด เพื่อประสานการติดต่อและอำนวยการปฏิบัติของหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดตราด และในขณะเดียวกันได้รอพบกับนักบินที่ขึ้นทำการบินลาดตระเวนซึ่งกำลังขออนุญาตนำเครื่องบินลงที่ฐานบินตราด เพื่อสอบถามสถานการณ์ที่นักบินตรวจพบต่อไป

      เวลาประมาณ ๑๐๔๕ นักบินที่ขึ้นบินลาดตระเวนได้นำเครื่องบินลงที่ฐานบินตราด และได้บรรยายสรุปผลการลาดตระเวนและการใช้อาวุธให้คณะ ทก.ยว.กปช.จต.ทราบเสร็จแล้ว คณะ ทก.ยว.กปช.จต.ทั้งหมด ได้ออกเดินทางจากฐานบินตราดโดยรถยนต์โดยสารของ พัน.ร.๓ กจต.ซึ่งมี พ.จ.อ.สมศักดิ์ เกิดพูล ทำหน้าที่พลขับ ก่อนที่จะออกเดินทาง ผบ.ทก.ยว. ได้สั่งให้ทุกคนเตรียมอาวุธประจำกายให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะทำการรบได้ทุกเวลา โดยมอบหน้าที่ให้ น.อ.วิชัย โสธนะ เป็นผู้อำนวยการป้องกันทางท้ายรถ

      คณะ ทก.ยว.กปช.จต.ได้เดินทางถึงศูนย์สภากาชาดไทยบ้านเขาล้าน เมื่อเวลาประมาณ ๑๑๓๐ ได้ตรวจการปฏิบัติและซักถามเหตุการณ์จากหน่วยทหารนาวิกโยธิน ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยศูนย์สภากาชาดไทยบ้านเขาล้าน และรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์สภากาชาดไทย แล้วจึงเดินทางต่อไปยัง บ.หาดเล็ก ถึง บ.หาดเล็ก เวลา ๑๒๓๐ พบกับ ผบ.ฉก.นย.๑๘๒ ซักถามสถานการณ์ตั้งแต่คืน ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๔ มาตามลำดับโดยละเอียด ได้ตรวจการวางกำลังและให้แนวทางปฏิบัติในเมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้น แล้วจึงได้เดินทางกลับ บ.หาดสารพัดพิษ ซึ่งอยู่ทางเหนือ บ.หาดเล็ก ๒ กม.และได้แวะสอบถามจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงตำบลที่ลูกระเบิดตก เมื่อคืน ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๔ แล้วคณะ ทก.ยว.กปช.จต.จึงได้เดินทางต่อไป เพื่อเยี่ยมหน่วยที่อำเภอคลองใหญ่

      เวลาประมาณ ๑๔๐๐ เศษ ขณะที่รถยนต์ของคณะ ทก.ยว.กปช.จต.ได้วิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ ๙๐ กม./ชม. ถึงบริเวณ บ.โขดทราย ต.หาดเล็ก ห่างจาก บ.หาดเล็ก ประมาณ ๒ กม.เศษ ในขณะนั้น มีรถยนต์โดยสารขนาดเล็กวิ่งอยู่ข้างหน้าในทิศทางเดียวกันห่างประมาณ ๑๕๐ ม.ได้ถูกฝ่ายตรงข้ามไม่ทราบจำนวนทำการยิงด้วยจรวดอาร์พีจี มาจากทางทิศตะวันออกของถนน สายตราด-บ.หาดเล็ก ถูกรถคณะ ทก.ยว.กปช.จต.ทางด้านขวาระหว่างบังโคลนขวากับประตูด้านพลขับ ทำให้รถเสียหลักเซไปทางซ้าย และความเร็วลดลง ผบ.ทก.ยว.กปช.จต.ได้สั่งการให้ พ.จ.อ.สมศักดิ์ ฯ เร่งความเร็วขึ้น และให้ระวังรถจะตกถนนด้านซ้าย แต่ปรากฏว่าเร่งความเร็วไม่ขึ้น ฝ่ายตรงข้ามทำการยิงจรวดอาร์พีจีมาอีก ๑ นัด ทะลุประตูด้านขวาเข้าไประเบิดใต้ที่นั่งพลขับ รถมีอาการส่าย เสียหลัก พ.จ.อ.สมศักดิ์ ฯ ได้พยายามประคองรถไม่ให้ตกถนนทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นทางลาดชันและประคองรถไม่ให้ตกไปทางด้านขวาซึ่งเป็นทางระบายน้ำ และปะทะกับขอบเขา หยุดนิ่งอยู่ระหว่างถนนกับเขา ห่างจากจุดที่ถูกยิงประมาณ ๑๐๐ ม. ในขณะที่ถูกยิง ครั้งแรก น.อ.วิชัย ฯ ได้ตะโกนสั่งกำลังทางท้ายรถให้เตรียมต่อสู้ เมื่อรถตกถนนแล้ว ทุกคนได้ออกจากรถ ใช้สันเขาขอบถนนเป็นที่กำบังทำการยิงต่อสู้ในทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามยิงมาประมาณ ๒–๓ นาที เสียงปืนจากฝ่ายตรงข้ามจึงได้สงบลง เนื่องจากถนนอำเภอคลองใหญ่–บ.หาดเล็ก เป็นถนนที่ ตัดไปทางลาดสันเขา ภูมิประเทศด้านตะวันออกของถนนเป็นลาดเขาอยู่ที่สูง ส่วนทางด้านตะวันตกก็เป็นลาดลงทะเล การที่จะใช้ลาดเขาส่วนที่ตัดถนนเป็นที่กำบังต่อไปย่อมเป็นการเสียเปรียบ ต่อฝ่ายตรงข้ามที่อาจจะใช้การ เคลื่อนที่บนลาดเขาในที่สูงโอบล้อมมาทำการยิงหรือขว้างระเบิดมาได้ ผบ.ทก.ยว.กปช.จต.จึงสั่งการให้ทั้งหมด ทำการถอนตัวข้ามถนนไปยึดที่กำบังทางตะวันตกของถนน ทำการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามต่อไป ด้วยการแบ่งกำลังเป็น ๒ ส่วน ในส่วนที่ ๑ ทำการระดมยิงไปยังตำบลที่ข้าศึกยิงมา อีกส่วนหนึ่งข้ามถนนไปยึดที่กำบังทางฝั่งตะวันตกของถนน ยิงก่อนแล้ว ให้ส่วนที่ข้ามถนนไปแล้วยิงทำการคุ้มครองให้ส่วนที่เหลือข้ามถนน เมื่อทั้งสองส่วนข้ามถนนได้หมดแล้วจึงได้ทำการยิงระดมไปยังฝ่ายตรงข้ามอีกประมาณ ๕ นาที เสียงปืนจากฝ่ายตรงข้ามจึงได้สงบลง เนื่องด้วยฝ่ายตรงข้ามมีอำนาจการยิงที่เหนือกว่าและไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน ประกอบกับฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สาหัสทุกคน ฝ่ายเราจึงได้ถอนตัวไปรวมกันที่ชายทะเล ปรากฏว่ามีผู้ขาดหายไป ๒ คนคือ น.อ.วิชัย โสธนะ ผู้อำนวยการป้องกันทางท้ายรถ และ พ.จ.อ.สมศักดิ์ เกิดพูล พลขับ เข้าใจว่าเสียชีวิตอยู่ ณ ตำบลที่ปะทะกัน ก่อนข้ามถนน นอกนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัสด้วยกันทุกคน และได้พยายามใช้วิทยุติดต่อกับหน่วยทหารที่ บ.หาดเล็ก ก็ไม่สามารถติดต่อได้ คณะ ทก.ยว.กปช.จต.จึงได้ติดต่อชาวบ้านบริเวณนั้น จัดเรือเครื่องหางยาวมาช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บรวม ๒ ลำ ด้วยกัน และต่อมาได้ถ่ายลงเรือประมงขนาดใหญ่ของนาย ติ๊ก สมนึก ซึ่งกำลังแล่นหาปลาอยู่บริเวณนั้นได้เข้ามาช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บไปส่งที่สะพานท่าเทียบเรือ อ.คลองใหญ่ แล้วลำเลียงขึ้นไปส่งที่ บ.เขาล้าน เพื่อขึ้น ฮ.ที่ทาง กปช.จต.ได้จัดส่งให้มารับจำนวน ๒ เที่ยวบิน และส่งผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลพระปกเกล้าจังหวัดจันทบุรี ในขณะที่ได้ถ่ายผู้บาดเจ็บจากเรือหางยาวขึ้นเรือประมงของนาย ติ๊ก แล้ว ผบ.ทก.ยว.กปช.จต.ได้สั่งการให้ ร.ต.เสรี ฯ ซึ่งได้บาดเจ็บเล็กน้อยเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อติดต่อกับทหารนาวิกโยธิน ๑๘๒ บ.หาดเล็ก เข้าไปค้นหาผู้ที่สูญหายอีก ๒ นาย ต่อไป ครั้งเมื่อเวลาประมาณ ๑๕๑๕ หน่วยทหารนาวิกโยธิน ๑๘๒ บ.หาดเล็ก ได้รับรายงานจาก อ.คลองใหญ่ ว่าชุด ทก.ยว.กปช.จต.ถูกโจมตีที่บริเวณ บ.โขดทราย จึงได้จัดส่งกำลัง ๑ หมู่ปืนเล็กและ ๑ หมู่เครื่องยิงลูกระเบิดมี พ.จ.อ.บุญเย็น มาลากรอง เป็นหัวหน้าชุด เดินทางโดยทางเรือยาวของ นายจิ้ง สุขเกษม นายสมัย ช่อลัดดา และ นายพายับ อนันต์ รวม ๓ ลำ ไปยังบริเวณที่เกิดเหตุโดยการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดยิงนำ แล้วใช้กำลังหมู่ปืนเล็กเข้าเคลียร์พื้นที่ วางกำลังคุ้มกัน และลำเลียงศพ น.อ.วิชัย ฯ และ พ.จ.อ.สมศักดิ์ ฯ จากที่เกิดเหตุมอบให้ ร.ต.เสรี ฯ ลำเลียงทางเรือไปส่งที่ อ.คลองใหญ่แล้วนำไปขึ้นรถยนต์ไปขึ้น ฮ. ที่ บ.เขาล้าน ไปถึงค่ายตากสิน ประมาณ ๑๙๐๕

      สำหรับ ร.ต.เสรี ฯ หลังจากที่ได้ดำเนินการนำศพ ส่งถึงค่ายตากสินแล้วจึงได้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.พระปกเกล้า จว.จันทบุรี ต่อไป

      จากเหตุการณ์ครั้งนี้ มาวิเคราะห์ดูแล้วเห็นว่าการเดินทางในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจน่าจะมีกำลังคอยระวังป้องกันตลอดเส้นทาง ถึงแม้จะมั่นใจว่าอยู่เขตแดนไทยก็ตาม เส้นทางจาก อ.คลองใหญ่-บ.หาดเล็ก ส่วนใหญ่ติดภูเขาตลอดแนว ฝ่ายตรงข้ามขึ้น-ลงได้สะดวก และไม่มีการวางกำลังตามเส้นทางไว้ตลอด ๑๖ กม.จึงเป็นจุดบอดอย่างยิ่ง บ.โขดทราย เป็นส่วนที่แคบที่สุด จากถนนถึงภูเขาระยะประมาณ ๕๐๐ ม. ฝ่ายตรงข้ามเมื่อเสร็จภารกิจสามารถถอนตัวกลับข้ามแดนได้อย่างรวดเร็ว เส้นทางเข้า–ออก ของเรามีเพียงเส้นทางเดียว กำลังที่จะมาช่วยเหลือเสี่ยงอันตรายต่อการถูกซุ่มโจมตีซ้ำสอง ซึ่งเป็นยุทธวิธีเดิม ๆ ที่เคยใช้ได้ผลมาแล้ว ในพื้นที่ด้านเหนือ ด้านใต้ กำลังที่มาช่วยเหลือจึงต้องมาทางเรือซึ่งใช้เวลานาน ในครั้งนี้ถ้าฝ่ายเราไม่มีการยิงโต้ตอบ หรือรถยนต์ตกลงทางด้านทะเลที่มีขอบถนนสูงมาก อาจจะถูกโจมตีซ้ำ จนเสียชีวิตหมดทั้งคัน ยังถือว่ามีโชคดีในคราวเคราะห์ นอกจากนั้นยังมีปัญหาการติดต่อสื่อสารระหว่างปะทะ เนื่องจากพลวิทยุบาดเจ็บสาหัส จึงติดต่อขอความช่วยเหลือไม่ได้ วิทยุสื่อสารที่นำไปด้วยเป็นวิทยุ AN/PRC–25 ถูกกระสุนชำรุด ในระหว่างนั้นไม่มีการติดต่อสื่อสารวิทยุมือถือใช้ได้คล่องตัวเหมือนสมัยนี้ ทราบภายหลังว่ามีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุเป็นผู้แจ้งให้ ฉก.นย.๑๘๒ ทราบและนำคนเจ็บส่ง รพ.คลองใหญ่ อีกสาเหตุหนึ่งจากบทเรียนครั้งนี้คือ อาจจะประเมินค่าความสามารถของฝ่ายตรงข้ามต่ำคงไม่กล้าจะข้ามเขตมาฝั่งไทย และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อนจึงไม่ได้มีการระวังป้องกัน ที่ดีพอ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งน่าจะเป็นบทเรียนในเรื่องการระวังป้องกันให้กับผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ระหว่างการเดินทางในพื้นที่ที่มีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจและไม่มีกำลังของเราวางตามแนวเส้นทางที่จะไป

      มาตรการรักษาความปลอดภัยจึงต้องมีการวางแผนให้รอบคอบ รัดกุม สอดคล้องกับการเดินทางไม่ประมาท กำลังพลต้องมีการตื่นตัวเตรียมพร้อมอยู่เสมอ อย่าคิดว่า “คงจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไร” ถ้าเกิดขึ้นมาคือ ความสูญเสียที่เราไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ แต่เราสามารถแก้ไขได้ถ้ามีการวางแผนที่ดีพอ บทเรียนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นสิ่งเตือนใจนักรบทั้งหลายไม่ให้ประมาท ความสูญเสียคงจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต